Petcharavejhospital.com
โปรโมชั่นสุขภาพ
คลายความกังวลใจ เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนเกิน

เพิ่มเติม

เพิ่มเติม
บุคลากรแพทย์
นพ.ชัยสิทธิ์ สุริยานุสรณ์
ดูประวัติแพทย์
พญ.แพร ทรัพย์สำรวย
ดูประวัติแพทย์
นพ.ภูวสิษฏ์ ตรีจักรสังข์
ดูประวัติแพทย์
นพ.อุเทน บุญอรณะ
ดูประวัติแพทย์

เพิ่มเติม
บทความสุขภาพ
มะเร็งตับ อีกหนึ่งความน่ากลัวที่ไม่ควรละเลย
  มะเร็งตับ เป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง เนื่องจากโรคนี้จะไม่แสดงอาการผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก นอกจากไปตรวจสุขภาพหรือตรวจคัดกรองมะเร็งตับเท่านั้นถึงจะเจอก้อนเนื้อร้าย ทั้งนี้ หากผู้ป่วยตรวจพบก่อนเกิดการลุกลาม ประสิทธิภาพในการรักษาที่จะทำให้หายขาดมีโอกาสสูง เนื่องจากเซลล์มีขนาดเล็ก อาจไม่ต้องถึงขั้นผ่าตัด แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งการดูแลสุขภาพ มาตามนัดหมายหรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหรือไม่     มะเร็งตับเกิดจากสาเหตุใด ?   ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, ซี หรือพยาธิใบไม้ตับ   ตับอักเสบที่เกิดจากภาวะภูมิแพ้ตนเอง   กรรมพันธุ์   การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอยู่เป็นประจำ   การใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลข้างเคียงต่อตับ         พักผ่อนไม่เพียงพอ, ภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่แข็งแรง   โรคประจำตัวของผู้ป่วย เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ภาวะไขมันพอกตับ โรคตับคั่งน้ำดี โรคตับคั่งไขมันที่เกิดจากภาวะอ้วน เป็นต้น   รับประทานผักและผลไม้น้อยเกินไป     มะเร็งตับ มีอาการอย่างไร ?    ในระยะแรก อาจจะไม่แสดงความผิดปกติออกมา แต่หากเกิดการลุกลามแล้ว จะมีอาการดังนี้   เป็นไข้, อ่อนเพลีย   เบื่ออาหาร, น้ำหนักลด         ท้องอืด, แน่นท้อง   ปวด จุก เสียดชายโครงด้านขวา   ร่างกายและตามีสีเหลือง   บริเวณขาและหน้าท้องเกิดการบวม   ปัสสาวะมีสีเข้มจัด     ระยะของมะเร็งตับ   ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร    ระยะที่ 2 คล้ายกับระยะแรกแต่มีไม่เกิน 3 ก้อน    ระยะที่ 3 มีการเพิ่มตัวของก้อนมะเร็ง รวมทั้งมีขนาดใหญ่ขึ้น   ระยะที่ 4 เกิดการลุกลามเข้าไปยังเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงกับตับ เข้าสู่หลอดเลือดดำในช่องท้อง จากนั้นไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ตับ และมีการแพร่กระจายตามกระแสโลหิต   ระยะสุดท้าย ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยมีสุขภาพเสื่อมโทรม นอนติดเตียง ต้องมีคนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด หากปล่อยไว้จนมาถึงระยะนี้ อาจมีโอกาสเสียชีวิตได้     กลุ่มเสี่ยงมะเร็งตับ         ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ และในปริมาณมาก   ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีกับซี   ผู้ใช้ยาที่มีผลเสี่ยงต่อตับเป็นประจำ   ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่เป็นภาวะไขมันพอกตับหรือตับแข็ง เป็นต้น      ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งตับ   มะเร็งตับอาจมีภาวะแทรกซ้อน คือ ตับวายที่อาจส่งผลให้ตับสูญเสียการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้การเกิดเสียชีวิตได้     การวินิจฉัยมะเร็งตับ   ตรวจเลือดหาระดับของสารแอลฟาฟีโตโปรตีน หรือ AFP ซึ่งเป็นสารบ่งบอกว่าผู้ตรวจเป็นมะเร็งหรือไม่   การใช้เทคโนโลยีเครื่องมือรังสีทางการแพทย์ เช่น อัลตราซาวด์, CT Scan หรือ MRI เป็นต้น   การฉีดสารทึบแสงเข้าเส้นเลือดแดง   การตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา     การรักษามะเร็งตับ   การรักษาโดยวิธีการทำลายเนื้อเยื่อของมะเร็งตับ    การรักษาทางรังสีวิทยา   การฉายรังสีจากบริเวณภายนอกลำตัว   การรักษาผ่านภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย   การรักษาด้วยยา    การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดออกบางส่วนหรือการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ เป็นต้น     การป้องกันมะเร็งตับ   ควบคุมปริมาณ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์   หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารพิษ เช่น สาร Aflatoxins เป็นต้น   เข้ารับการรักษาโรคทางพันธุกรรมที่อาจเป็นสาเหตุส่งผลให้เกิดมะเร็งตับ         การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเป็นการค้นหาและป้องกันโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย   การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและซี     ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนน้อย, ดื่มสุราในปริมาณมากเป็นประจำ, ใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อตับอยู่เป็นประจำ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ยิ่งไม่มีอาการแต่ยังใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่ใส่ใจสุขภาพ อาจส่งผลเสียต่อตัวท่านและบุคคลรอบข้างได้ เพราะฉะนั้น ทุกท่านควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ เพื่อค้นหาความเสี่ยงภายในร่างกาย หากพบโรคร้ายตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้การรักษายิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น   เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง   ศูนย์ตรวจสุขภาพ   วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ   ไวรัสตับอักเสบ และตับแข็งความสัมพันธ์สู่มะเร็งตับ
อ่านเพิ่มเติม
โรคมะเร็งตับอ่อน โรคที่พบไม่บ่อยแต่เสี่ยงโอกาสเสียชีวิตสูง
  ตับอ่อนเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะมีหน้าที่ในการช่วยย่อยและดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ แต่ตับอ่อนเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สามารถเกิดมะเร็งได้เช่นกัน ถึงจะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่หากไม่รู้ตัวและปล่อยทิ้งไว้ อาจมีโอกาสเสียชีวิตสูงเช่นกัน     โรคมะเร็งตับอ่อนเกิดจากสาเหตุใด ?     กรรมพันธุ์ เพราะหากมีบุคคลภายในครอบครัวมีประวัติการเป็นมะเร็งตับอ่อน อาจมีโอกาส 5 - 10 เปอร์เซ็นต์ที่จะถ่ายทอดไปสู่บุตรได้    อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนมากมะเร็งตับอ่อนจะถูกพบในผู้สูงอายุ         โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานและโรคอ้วน    ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง และซีสต์ในตับอ่อนบางประเภท    การสูบบุหรี่      อาการของโรคมะเร็งตับอ่อน   เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย   ตาและตัวเหลืองจากการอุดตันของท่อน้ำดี         มีอาการแน่นท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง   ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่และบริเวณหลัง   เมื่อผู้ป่วยลองคลำท้องดูอาจจะพบก้อนได้   ตับและถุงน้ำดีโต   อุจจาระมีสีซีด ถ่ายเหลว    ปัสสาวะมีสีเข้ม      ระยะของโรคมะเร็งตับอ่อน   โรคมะเร็งตับอ่อนสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้   ระยะที่ 1    พบก้อนมะเร็งลุกลามอยู่ภายในตับอ่อน และอาจเริ่มลุกลามสู่บริเวณลำไส้เล็ก   ระยะที่ 2    มะเร็งมีการลุกลามออกจากบริเวณตับอ่อน เข้าสู่กระเพาะอาหาร ม้าม และลำไส้ใหญ่   ระยะที่ 3    พบมะเร็งมีการกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลือง   ระยะที่ 4    มะเร็งเริ่มลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด แล้วแพร่กระจายไปที่ตับ      ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อน   พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง   โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง   การบริโภคเนื้อแดง ไขมันอิ่มตัว หรืออาหารแปรรูปมากเกินไป         ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป   มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งตับอ่อน     การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับอ่อน    การตรวจเลือด    การตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ   การส่องกล้องตรวจบริเวณตับอ่อนและท่อทางเดินน้ำดี   การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารด้วยคลื่นความถี่สูง   การฉีดรังสีร่วมกับการใช้ CT-SCAN   การ CT-SCAN แบบ Helical CT     โรคมะเร็งตับอ่อน มีวิธีการรักษาอย่างไร ?    วิธีการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อน สามารถแบ่งออกได้ 2 วิธี ได้แก่   กลุ่มผู้ป่วยที่สามารถทำการผ่าตัดได้   วิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง และมะเร็งยังไม่มีการลุกลามมาก เมื่อแพทย์ทำการผ่าตัด จากนั้นจะมีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจ ถ้าหากพบข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ อาจจะพิจารณาวิธีการรักษาเพิ่มเติมโดยการใช้เคมีบำบัด และรังสีรักษา   กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้   หากพบว่าผู้ป่วยมีเชื้อมะเร็งลุกลามไปมากแล้ว แต่ร่างกายยังคงแข็งแรงอยู่ อาจจะใช้วิธีเคมีบำบัดร่วมกับการใช้รังสีรักษา แต่หากเป็นผู้ป่วยในกลุ่มที่ร่างกายไม่แข็งแรง แพทย์อาจพิจารณาวิธีการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ      การป้องกันโรคมะเร็งตับอ่อน   การรักษาโรคนี้ อาจยังไม่มีวิธีการป้องกันที่ชัดเจน แต่ท่านสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้ด้วยการดูแลสุขภาพของตนเอง และอาจมีการปรับพฤติกรรมควบคู่ ดังนี้   การงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์    การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน         รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยให้หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ติดมัน และอาหารประเภทที่มีไขมันสูง   การออกกำลังกายสม่ำเสมอ      โรคมะเร็งตับอ่อน ถึงจะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ถ้าหากเกิดขึ้นกับร่างกายของเราโดยไม่รู้ตัว แล้วพบว่าอยู่ในระยะสุดท้าย อาจทำให้เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นควรสังเกตและดูแลร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ขึ้น   เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง   โปรแกรมตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบ และคัดกรองโรคตับ   ตับอ่อนอักเสบ โรคที่เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี
อ่านเพิ่มเติม
24
ชม. อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน
58
ONLINE : IPD
1500
รับผู้ป่วยเฉลี่ย : วัน
46
ปี ที่ดูแล