โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิส อันตรายที่ไม่ได้ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว

 

ซิฟิลิส (Syphilis) คือ โรคในปัจจุบัน ที่ใครหลายคนมองว่าหากเป็นแล้วจะสามารถรักษาให้หายได้เลยชะล่าใจ และขาดวินัยในการป้องกันโรคเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันเรายังเห็นผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิสอยู่บ้าง แล้วคุณรู้ หรือไม่ว่าอันตรายสูงสุดของโรคนี้เป็นอย่างไร และสามารถรักษาให้หายได้อย่างง่ายดายจริงหรือ ? มาดูกัน

 

 

สาเหตุของโรคซิฟิลิส

 

 

คู่รักจูบ

 

 

เบื้องต้น โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ทริปโปนีมา พัลลิดุม สามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัสผู้ที่มีเชื้อ เช่น การจูบ, การสัมผัสแผล, การมีเพศสัมพันธ์, การรับเลือดมาจากผู้ติดเชื้อ และการสัมผัสเข็มที่ติดเชื้อ เป็นต้น นอกจากจะมีการติดต่อจากคนสู่คนแล้ว ยังสามารถติดต่อจากสตรีมีครรภ์ แล้วส่งต่อไปถึงลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย

 

 

โรคซิฟิลิส อาการเป็นอย่างไร 

 

 

ระยะของโรคซิฟิลิส

 

 

โรคซิฟิลิส จะมีระยะการฟักตัวอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์ และอาจนานถึง 3 เดือน โดยโรคนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นอีก 4 ระยะ ดังนี้

 

 

ระยะที่ 1 

 

 

ผู้ป่วยจะมีแผลเล็กที่เรียกว่าแผลริมแข็งตรงจุดที่เกิดการติดเชื้อ โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งผู้ป่วยบางคน อาจจะไม่ทันได้สังเกตอาการของตนเอง และไม่รู้ตัวว่ามีแผลเกิดขึ้น เพราะแผลจะไม่มีอาการปวด ซึ่งระยะนี้จะเกิดแผลหลังจากรับเชื้อไปแล้วไม่เกิน 2 เดือน และหายไปเองภายใน 6 สัปดาห์

 

 

ระยะที่ 2 

 

 

อาการจะพัฒนาจากระยะที่ 1 ในเวลาไม่เกิน 3 เดือน โดยจะแสดงอาการขึ้นมา เช่น เกิดตุ่มขึ้นตามตัว, น้ำหนักลดลง, ต่อมน้ำเหลืองมีอาการบวม และผมร่วง เป็นต้น แต่เช่นเดียวกับระยะที่ 1 อาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองเช่นกัน

 

 

ระยะแฝง 

 

 

เป็นระยะที่ผู้ป่วยแทบจะไม่แสดงอาการใด ๆ ว่าติดเชื้อซิฟิลิส แต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกาย ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ซิฟิลิสระยะสุดท้าย ซึ่งอาจจะเป็นระยะที่มีการแพร่เชื้อมากที่สุดอาจเป็นได้ 

 

 

ระยะที่ 3

 

 

หากมาถึงระยะนี้ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะส่งผลข้างเคียงอย่างรุนแรง เช่น มีผลต่อระบบประสาท, หัวใจ, สมอง, อัมพาต, กระดูก และข้อต่อ หรืออาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

 

ซิฟิลิส อันตรายกว่าที่คิด

 

 

ติดต่อจากแม่สู่ลูก

 

 

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ไม่ใช่แค่การต้องมีเพศสัมพันธ์แล้วจะติดโรคนี้ได้เท่านั้น แต่เชื้อยังสามารถแพร่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ผ่านการสัมผัส, แผลติดเชื้อ, การจูบ หรือการติดต่อจากแม่สู่ลูก ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าโรคซิฟิลิสไม่รุนแรง และสามารถรักษาให้หายได้ แต่อย่าลืมว่าโรคนี้มีหลายระยะ ในบางระยะอาจจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่รู้ตัวเองว่าติดเชื้อ จนกระทั่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว ถึงจะแสดงอาการออกมาให้เห็น หากไม่ได้รับการรักษา จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว จนอาจส่งผลต่อสมอง, ระบบประสาท, อวัยวะต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นพิการ และเสียชีวิตได้

 

 

การรักษาโรคซิฟิลิส

 

 

ตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์

 

 

หากพบความผิดปกติในร่างกายของตนเอง ที่อาจแสดงอาการว่าเสี่ยงเป็นซิฟิลิส ให้เข้าพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะของกลุ่มเพนิซิลลิน และควรต้องฉีดยาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ควรเข้ารับการตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้เราได้ทราบถึงผลการใช้ชีวิตของเรา ว่าจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคซิฟิลิส หรือโรคอื่น ๆ ไหม ถ้าตรวจพบจะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที 

 

 

การป้องกันโรคซิฟิลิส

 

 

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย 

 

 

  • ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ

 

 

สวมถุงยางอนามัย

 

 

 

 

 

 

  • เข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 

 

 

การตระหนักถึงโรคร้าย และการป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านั้น ที่ติดมากับเพศสัมพันธ์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมื่อป่วยแล้ว จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปให้ร่างกายเป็นปกติได้ เมื่อพบตนเองมีอาการน่าสงสัยว่าจะเป็นโรคดังกล่าว ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรักษาโรคอย่างทันท่วงที และรับคำแนะนำในการป้องกันตนเอง ก่อนที่จะสายเกินแก้



 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

 

โปรแกรมตรวจโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

 

โรคติดต่อตัวร้ายกับนายถุงยาง

 

One Night Stand ความสัมพันธ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย