หากใครมีน้ำตาคลอ หรือมีน้ำตาไหลคล้ายร้องไห้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนที่ไม่ได้มีอารมณ์เศร้าก็ตาม อาจเป็นสัญญาณของปัญหา “ท่อน้ำตาอุดตัน (Nasolacimal Duct Obstruction)” วันนี้เราจะพาทุกท่านมาดูว่าโรคนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร และจะมีวิธีการรักษาไหม หากคุณมีอาการเข้าข่าย จะได้เข้าพบแพทย์ทันที
ท่อน้ำตา จะเป็นท่อเล็ก ๆ ทำหน้าที่ระบายน้ำจากดวงตาเข้าสู่โพรงจมูก หากมีการอุดตัน จะส่งผลให้น้ำตาที่ถูกผลิตขึ้นไม่สามารถไหลออกได้ ทำให้มีการคั่งค้างและล้นออกมา จนเหมือนผู้ป่วยร้องไห้ออกมาตลอดเวลา
เกิดจากการระคายเคืองบริเวณดวงตา เช่น มีฝุ่นละอองเข้าตา
มีการติดเชื้อบริเวณท่อน้ำตา
เกิดเนื้องอกบริเวณท่อน้ำตา
ระบบเปลือกตาไม่สามารถบีบน้ำตาได้
มีประวัติการได้รับอุบัติเหตุบริเวณท่อน้ำตา
มีประวัติในการได้รับการรักษาด้วยวิธีฉายแสงบริเวณดวงตา
โรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคไซนัส
ผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อหิน และต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา
ผนังกั้นหัวตาไม่ทะลุตั้งแต่กำเนิด
พังผืดในท่อน้ำตาไม่เปิด
อายุมากขึ้น จะทำให้ท่อน้ำตาแคบลงตามความเสื่อมวัย
มีน้ำตาไหลตลอดเวลา แม้ในขณะที่ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือร้องไห้
มีขี้ตาสีเหลือง หรือสีเขียว
มีอาการปวด, บวม, แดง หรือร้อนบริเวณหัวตา
เกิดหนองขึ้นที่บริเวณหัวตาด้านใน
เกิดการอักเสบเป็นฝีหนอง ไหลออกมาจากรูเปิดท่อน้ำตา
ผู้สูงอายุ
เด็กเล็ก
ผู้ที่เคยมีประวัติเกิดอุบัติเหตุหรือผ่าตัดบริเวณใบหน้า
ผู้ที่เคยมีประวัติการรักษาอาการตาแห้งด้วยวิธีการอุดท่อน้ำตา
ผู้ที่มีเนื้องอกที่บริเวณโพรงจมูก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ
จักษุแพทย์จะหยอดยาชาที่ตา และใช้เข็มปลายตัด แยงลงไปทางรูเปิดของท่อน้ำตา แล้วฉีดน้ำลงไป หากบุคคลปกติจะรู้สึกถึงอาการน้ำรสชาติเค็มไหลลงคอ แต่ถ้าหากเป็นผู้ป่วยท่อน้ำตาอุดตัน น้ำจะไหลกลับออกมา พร้อมขี้ตา
การฉีดสารรังสีลงไปในดวงตา และทำการ X-Ray หรือ CT Scan เพื่อดูความผิดปกติของท่อน้ำตา
การใช้สีย้อมตรวจกระจกตาหยอดลงไปในตา 5-10 นาที หากสียังอยู่ที่ตา แสดงว่าเป็นโรคท่อน้ำตาอุดตัน
การรักษาท่อน้ำตาอุดตันสำหรับผู้ป่วยวัยเด็ก
ยาปฏิชีวนะ ป้องกันการอักเสบติดเชื้อ
การนวดที่บริเวณหัวตา
ใช้แท่งโลหะแยงลงไปบริเวณท่อน้ำตา โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
การรักษาท่อน้ำตาอุดตันสำหรับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่
การหยอดยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดขี้ตา และป้องกันการอักเสบติดเชื้อเป็นถุงหนองที่หัวตา
หากเกิดการอักเสบเป็นหนอง ผู้ป่วยจะได้รับการหยอดยาฆ่าเชื้อ และรับประทานยาฆ่าเชื้อ ถ้ามีอาการปวดร่วมด้วยจักษุแพทย์จะทำการเจาะระบายหนอง หากมีการอักเสบที่เปลือกตาแล้วมีการบวมทั้งหมด จักษุแพทย์จะทำการฉีดยาให้ผู้ป่วย
การใช้ Laser เพื่อให้เกิดรูเชื่อมระหว่างถุงน้ำตา และจมูก
การผ่าตัดผ่านทางผิวหนังบริเวณสันจมูก หากผู้ป่วยมีอาการอักเสบ บวม แดง จะไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะผิวหนังบริเวณถุงน้ำตาอักเสบจะไม่แข็งแรง จากการผ่าตัด และเย็บแผล เกิดแผลแยกบริเวณที่ผ่าตัด ส่งผลให้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้
ผ่าตัดโดยการใช้กล้องเอ็นโดสโคป (Endoscope) เป็นการผ่าตัดในช่องรูจมูก เพื่อสร้างที่ในการระบายท่อน้ำตาใหม่ สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบ บวม แดงได้ ยกเว้นผู้ป่วยที่มีประวัติใบหน้าแตกหรือยุบ การผ่าตัดนี้อาจส่งผลให้กระดูกผิดรูปได้ อีกทั้งการผ่าตัดวิธีนี้ จะไม่สร้างแผลเป็นให้แก่ผู้ป่วย มีประสิทธิภาพสูง สามารถฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้ไวขึ้น
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตัน ประมาณ 5-7 วัน ควรงดการใช้ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามินต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เลือดเกิดการแข็งตัว เช่น วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น
งดน้ำ และงดอาหารก่อนผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตัน อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
งดแต่งหน้าก่อนผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตัน และทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย
ควรถอดเครื่องประดับ ชุดชั้นใน และฟันปลอมก่อนเข้ารับการผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตัน
หากมีการอักเสบติดเชื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ควรเลื่อนนัดวันผ่าตัดออกไปก่อน
หมั่นรักษาความสะอาดดวงตาและล้างมือก่อนหากจะสัมผัสตา
หากมีอาการตาอักเสบ ควรรักษาให้หายขาด ไม่ปล่อยให้เรื้อรัง
เข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีอาการผิดปกติ
ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดท่อน้ำตาอุดตัน มาแล้ว 2-4 สัปดาห์ ไม่ควรก้ม ๆ เงย ๆ และยกของหนัก เพราะจะทำให้มีเลือดออกได้
ในบุคคลทั่วไป หากสงสัยว่าตนเองมีอาการท่อน้ำตาอุดตันหรือไม่ เบื้องต้นสามารถตรวจได้โดยกดที่หัวตาข้างสันจมูก หากมีของเหลวไหลออกมา เช่น น้ำตา เมือกขี้ตา หรือหนอง ควรไปพบจักษุแพทย์
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง