มลพิษทางเสียง คือหนึ่งในปัญหาที่อยู่ใกล้ตัวเรามาตลอด เพียงแต่อาจถูกมองข้ามไป เพราะหลายคนต้องประสบพบเจอทุกวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงการจราจร เสียงก่อสร้าง หรือรวมไปถึงเสียงเครื่องจักร แม้มลพิษทางเสียงเหล่านี้ จะไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่มีผลต่ออาการเจ็บป่วยโดยตรง แต่ถ้าหากได้รับเสียงดังอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราโดยไม่รู้ตัวได้
มลพิษทางเสียง (Noise Pollution) คือเสียงที่ดังเกินมาตรฐาน หรือเสียงก่อกวนที่สร้างความรำคาญที่เราต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปแล้ว หากเสียงที่ได้ยินมีระดับเกิน 85 เดซิเบลจะถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้าหากได้รับมลพิษทางเสียงเหล่านั้นเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อการได้ยิน หรือโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตได้
ตัวอย่างระดับเสียงของกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนี้
เครื่องจักร 120 เดซิเบล
เครื่องบิน 140 เดซิเบล
คอนเสิร์ต 110-120 เดซิเบล
รถบรรทุก 90 เดซิเบล
โทรทัศน์ 70 เดซิเบล
การจราจรหรือคมนาคม เพราะในชีวิตประจำวันของเรา มีการใช้รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก หรือเครื่องบินในการสัญจร หรือขนส่งคมนาคมเป็นจำนวนมาก
โรงงานอุตสาหกรรม เสียงที่เกิดจากเครื่องจักรที่ทำให้เกิดระดับเสียงที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ 60-120 เดซิเบลแล้วแต่แรงของเครื่องจักร
กิจกรรมในครัวเรือน เป็นเสียงที่เกิดจากกิจกรรมที่มีการใช้เครื่องมือ เช่น เครื่องตัดหญ้า เครื่องดูดฝุ่น หรือโทรทัศน์ เป็นต้น
เสียงรบกวนจากสาเหตุอื่น เช่น มีการเปิดผับบาร์ การจัดคอนเสิร์ต งานเทศกาล ฟ้าร้อง หรือการทะเลาะวิวาทบริเวณที่พักอาศัย
ผู้พักอาศัยใกล้ถนนใหญ่หรือพื้นที่ที่มีการใช้เสียงดัง
ผู้ที่ประกอบอาชีพก่อสร้าง โรงงาน หรือสนามบิน
เด็กกับผู้สูงอายุ เพราะมีความไวต่อเสียงมากกว่าบุคคลปกติ
ด้านร่างกาย อาจสูญเสียการได้ยิน หูอื้อ ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ
ด้านจิตใจ ทำให้เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า
ด้านคุณภาพชีวิต ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ขาดสมาธิ จนอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ด้านการสื่อสาร อาจเป็นการรบกวนต่อการสื่อสาร หรือการรับคำสั่งต่าง ๆ จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
ด้านความเสียหายต่อวัตถุ อาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือน จนวัตถุ เช่น กระจก หน้าต่าง กำแพง ถูกทำลายได้
หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหู เช่น หูอื้อ การได้ยินลดลง หรือสูญเสียการได้ยินแบบเฉียบพลันจากมลพิษทางเสียง ให้เข้าพบแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก เพื่อตรวจวินิจฉัย และอาจมีการทดสอบการได้ยินในบางกรณี
ใช้ที่อุดหรือหูฟังครอบหู เมื่ออยู่ในพื้นที่เสียงดัง
ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานควบคุมระดับเสียง
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่เสียงดังเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันหู
สำรวจแหล่งกำเนิดเสียง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้เกิดมลพิษทางเสียงขึ้น
ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่เกิดมลพิษทางเสียง ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหูสม่ำเสมอ
มลพิษทางเสียง เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด และอาจเรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่มักถูกมองข้ามเสมอ เพราะอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราโดยตรง แต่อาจทำให้สุขภาพจิตของเราแย่ลงได้ หากท่านอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางเสียง ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจวินิจฉัย รักษา และรับคำแนะนำเบื้องต้นจากแพทย์
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง