หน้าแรก
> รวมบทความสุขภาพ
> ขดลวดละลายได้ (Bioresorbable Stent) ทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD) คือสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในคนไทยเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ จากสถิติผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจในประเทศไทย จะพบว่าทุกชั่วโมงคนไทยเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเฉลี่ย 2.3 คน หรือวันละ 54 คน
โรคหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากการเสื่อมของผนังหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary) ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งการมีไขมันอุดตันในหลอดเลือด ในช่วงแรกหลอดเลือดหัวใจจะมีการปรับตัว เพื่อให้เลือดยังคงไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อย่างเพียงพอ แต่หากยังมีไขมันสะสมในผนังหลอดเลือดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่สะดวก และไม่สามารถนำออกซิเจนไปสู่หัวใจได้ ก็จะทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณหัวใจ หากการอุดตันของหลอดเลือดแดงโคโรนารีเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากขาดออกซิเจน ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในทันที
สามารถแบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้
หลอดเลือดตีบตันบางส่วน แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีการรักษา โดยการใช้ยาควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม
หลอดเลือดตันมาก จะใช้วิธีการรักษาด้วยการทำบอลลูนและใส่ลวดหัวใจ เพื่อช่วยขยายหลอดเลือด และทำให้มีเลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการทำบอลลูนและใส่ขดลวดหัวใจ มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ เพื่อต่อเส้นเลือดที่เป็นทางเบี่ยงขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้มากขึ้น
คือนวัตกรรมที่ผลิตจากโลหะแมกนีเซียมผสมกับโพลิเมอร์เคลือบยา ทำหน้าที่เหมือนขดลวดทั่วไป ซึ่งจะเป็นการพยุงผนังหลอดเลือดไม่ให้ตีบ และเมื่อเวลาผ่านไปขดลวดจะค่อย ๆ สลายตัวไปเองใน 1-2 ปี ทำให้หลอดเลือดกลับมามีความยืดหยุ่นเหมือนเดิม
หลอดเลือดหัวใจมีการตีบตัน
รู้สึกแน่นหน้าอกผิดปกติ
ภายในหลอดเลือดหัวใจพบการตีบหลายที่ โดยเฉพาะการตีบที่ส่วนต้นของหลอดเลือดหัวใจที่ค่อนข้างยาว อาจมีหินปูนเกาะหรือพบการอุดตันแบบสมบูรณ์
ผู้ที่เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
ผู้ป่วยที่ปฏิเสธหรือไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
ผู้ป่วยที่เป็นหลอดเลือดหัวใจตีบ
ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีโลหะถาวรค้างอยู่ในร่างกาย
ผู้ป่วยอายุน้อยที่ต้องการลดผลกระทบในอนาคต
ผู้ที่แพทย์ประเมินว่าเหมาะสมต่อวิธีการรักษาด้วยขดลวด
การเตรียมตัวทั่วไป
งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการทำหัตถการ
หากผู้ป่วยกำลังรับประทานยาประจำ ให้นำยาเหล่านั้นมาด้วยในวันที่เข้ารับการตรวจ และแจ้งแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับยาที่ใช้เป็นประจำ
การแจ้งข้อมูลกับแพทย์
หากผู้ป่วยมีประวัติการแพ้ยา, อาหารทะเล หรือภาวะเลือดออกง่ายและหยุดยาก ควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้ให้แพทย์และพยาบาลทราบล่วงหน้าก่อนเข้ารับการทำหัตถการ
ควรนำผลการตรวจสุขภาพที่สำคัญมาให้แพทย์พิจารณาก่อน เช่น ฟิล์มเอกซเรย์ปอดและหัวใจ, ผลตรวจเลือดล่าสุดไม่เกิน 1 เดือน, ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), ผลการตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (EST) หรือผลการตรวจคลื่นสะท้อนหัวใจ (Echocardiography)
แพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจเลือดเพิ่มเติม เพื่อประเมินการทำงานของไตและตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบีและเอดส์ เป็นต้น
การเตรียมตัวในวันเข้ารับการทำหัตถการ
แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยบางรายรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) ล่วงหน้าประมาณ 5-7 วันก่อนการรักษา แต่ในบางกรณี ผู้ป่วยจะได้รับยาในวันที่ทำหัตถการตามดุลยพินิจของแพทย์
ควรมีญาติมาด้วยเพื่อช่วยในการตัดสินใจร่วมกับแพทย์ และผู้ป่วยจะต้องลงนามในเอกสารแสดงความยินยอมก่อนการตรวจรักษา
ให้รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือดตามที่แพทย์สั่ง
ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารรสมัน หวาน และเค็ม
ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ให้ติดตามอาการตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ
ขดลวดละลายได้ คือนวัตกรรมที่เป็นก้าวสำคัญของการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ด้วยคุณสมบัติที่ละลายหายไปได้เอง และช่วยให้หลอดเลือดกลับมาทำงานใกล้เคียงกับปกติอีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว และเหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการมีโลหะถาวรทิ้งไว้ภายในร่างกาย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง