ปัญหาสุขภาพที่คน ๆ หนึ่งมีโอกาสเสี่ยงเป็นได้มีหลายโรคเนื่องจากปัจจัยรอบตัวที่เต็มไปด้วยมลพิษและเชื้อโรคที่มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบหายใจหรือโรคติดเชื้อ แต่หลายคนอาจลืมไปแล้วว่าหนึ่งในโรคที่ทุกคนควรระวังและมีโอกาสเป็นทุกยุคทุกสมัยโดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับมลภาวะรอบตัวนั่นคือ “โรคความดันโลหิต” ที่มีทั้งความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตต่ำ และด้วยความเสี่ยงที่สามารถเป็นได้ทุกช่วงวัยเราจึงควรศึกษาข้อมูลของโรคนี้ก่อนจะสายเกินไป
ความดันโลหิตเป็นค่าความดันของกระแสเลือดที่ส่งแรงกระทบกับผนังหลอดเลือดแดง โดยเกิดขึ้นจากการกระบวนการสูบฉีดเลือดของหัวใจ โดยสามารถวัดความดันโลหิตได้ 2 ค่า คือ ค่าความดันช่วงบนจากการบีบตัวของหัวใจ และค่าความดันช่วงล่างจากการคลายตัวของหัวใจ ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากค่าความดันโลหิตคือความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ โดยเราสามารถตรวจหาอาการดังกล่าวได้ด้วยการวัดค่าความดันโลหิต
เป็นภาวะที่ความดันเลือดซิสโตลิกต่ำกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ทั้งหญิงชาย ไม่ว่าอายุเท่าใดก็สามารถเป็นได้ ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน วิตามินซีทำให้ผนังหลอดเลือดแดงไม่แข็งแรง จนเกิดการคลายตัวมากเกินไป โดยภาวะนี้จะมีทั้งที่สามารถหายเองได้กับต้องได้รับการรักษา
ปกติแล้วความดันโลหิตต่ำจะไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่หากอยู่ในภาวะที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นชั่วคราว ดังนี้
นอกจากนี้ยังมีอาการหน้ามืดเมื่อมีการเปลี่ยนท่านั่ง หรือท่ายืนกะทันหัน ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยการป้องกันได้ด้วยการยกศีรษะสูงขณะนอน และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดอาการแย่ลง เช่น การนอนนาน ๆ การลุก หรือนั่งอย่างรวดเร็ว การอาบน้ำอุ่นจัด เป็นต้น
โดยปกติแล้วหากวัดค่าความดันโลหิตคนปกติจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งวัดจากการบีบตัวและคลายตัวของหัวใจ (ความดันช่วงบนและช่วงล่าง) แต่หากวัดแล้วได้ค่าตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปถือว่ามีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูง โดยหากต้องการความแน่นอนมากขึ้นควรวัดเพิ่มอีกหลังได้ค่าความดันโลหิตสูงอาทิตย์ละ 1 ครั้ง อีกประมาณ 2 หรือ 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ค่าความดันที่สูงอาจไม่ได้หมายถึงการเป็นความดันโลหิตสูงเสมอไปเพราะสามารถเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ เช่น มีภาวะทางอารมณ์ การออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีคาเฟอีน เป็นต้น โดยผู้ป่วยที่เพิ่งเคยเป็นจะมีอาการเวียนศีรษะ ตึงต้นคอ ซึ่งส่วนมากจะเป็นในช่วงตื่นนอน แต่สำหรับคนที่เป็นความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานานจะมีอาการใจสั่น อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว หรืออาจมีเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย
โดยปกติผู้ที่มีอาการความดันโลหิตสูงมักจะตรวจไม่พบสาเหตุ แต่หากมีการตรวจพบมักมีสาเหตุมาจากโรคหรือภาวะอื่น ๆ เช่น โรคไต หลอดเลือดแดงตีบ หลอดเลือดไตตีบ เกิดเนื้องอกบริเวณต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต เป็นต้น นอกจากนี้ยังเกิดจากพฤติกรรมหรือสาเหตุเสี่ยง ได้แก่ การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย การเป็นโรค เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และพันธุกรรม เป็นต้น
ความดันโลหิตเป็นภาวะที่สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย และสามารถหายเองได้ แต่หากเกิดอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคเพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายได้
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง