สังเกตอาการโควิด -19 ลงปอด
สังเกตอาการโควิด -19 ลงปอด

เมื่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลงเข้าไปในปอด ซึ่งเป็นอวัยวะในระบบทางเดินหายใจที่สำคัญของร่างกาย เพราะมีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบภายในอวัยวะร่างกายทุกระบบ เป็นอันตรายร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นการสังเกตอาการความผิดปกติในร่างกาย รวมทั้งการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 จะช่วยลดความรุนแรงของอาการเมื่อโควิด-19 ลงปอด

 

 

โควิด-19 ลงปอดได้อย่างไร

 

หลังจากที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลงเข้าไปในอวัยวะภายในแล้ว เชื้อโควิด– 19 จะแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ และเพิ่มจำนวนในเซลล์ เมื่อเพิ่มจำนวนถึงระดับหนึ่งจะทำลายเซลล์ แตกตัวออกมาเป็นไวรัสจำนวนมากเพื่อไปแทรกซึมในอวัยวะข้างเคียงอื่นๆ เมื่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เข้าลงไปในปอด ปอดก็จะถูกทำลาย ไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ ระดับออกซิเจนในเลือดจะลดต่ำลง ส่งผลให้เนื้อปอดไม่สามารถทำงานได้ในที่สุด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากไม่รีบรักษาอย่างเร่งด่วน

 

 

สังเกตอาการโควิด-19 ลงปอด

 

  • 1. แน่นหน้าอก

 

  • 2. หายใจลำบาก

 

  • 3. เหนื่อย หอบ แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงกระทำการใดก็ตาม

 

  • 4. ไข้ขึ้นมากกว่า 37.5°C ขึ้นไป

 

  • 5. มีอาการไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ

 

  • 6. การใช้อุปกรณ์วัดค่าออกซิเจนในเลือดบริเวณปลายนิ้ว (Fingertip Pulse Oximeter) ค่าออกซิเจนในเลือดไม่ควรมีระดับต่ำกว่า 95% และควรวัดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

 

  • 7. การวัดค่าออกซิเจนในเลือดทันที หลังจากการลุกนั่งในเวลา 1 นาที หรือการกลั้นหายใจ ในเวลา 10 – 15 วินาที หากมีค่าออกซิเจนในเลือดระดับต่ำกว่า 94%

 

 

โควิด-19 ลงปอดควรทำอย่างไร

 

เมื่อเชื้อไวรัสโควิด -19 ลงปอดในผู้ป่วยที่กำลังรอเข้ารับการรักษา Hospitel หรือผู้ป่วยที่รักษาแบบ Home Isolation  สามารถลดความรุนแรงของอาการได้ด้วยการปฏิบัติดังนี้

 

  • 1. นอนคว่ำหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงในการที่ปอดถูกกดทับ หรือนอนกึ่งตะแคงกึ่งคว่ำ 45 องศา ในกรณีผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ควรนอนตะแคงไปทางด้านซ้าย เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำหนักของมดลูกไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ดำ ส่งผลให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น

 

  • 2. ยืดเหยียดปลายเท้า งอขา ส่งผลให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และป้องกันการเกิดลิ่มเลือดได้ดี

 

  • 3. ดื่มน้ำให้มากกว่า 2 ลิตร ต่อวัน และรับประทานอาหารให้พออิ่ม ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารได้ ควรบริโภคเครื่องดื่มเกลือแร่แทน

 

  • 4. หากมีอาการไข้ขึ้น ให้รับประทานยาพาราเซตามอลเท่านั้นโดยทันที ไม่ควรปล่อยให้ไข้ขึ้นสูงแล้วจึงรับประทานยา ในกรณีผู้ป่วยโรคตับห้ามรับประทานยาพาราเซตามอลโดยเด็ดขาด เป็นอันตรายอาจเกิดอาการตับวาย ควรใช้วิธีการลดไข้ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดตัวเพียงเท่านั้น

 

  • 5. สามารถรับประทานยาสมุนไพรในปริมาณที่พอดี ไม่เกินที่แพทย์ หรือเภสัชกรกำหนด เช่น ยาสมุนไพรที่ทำมาจากฟ้าทะลายโจร หรือยาสมุนไพรที่ทำมาจากกระชาย เป็นต้น

 

  • 6. ควรขับถ่ายด้วยการใช้กระโถน ไม่ควรลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการเป็นลม หมดสติ หัวใจหยุดเต้น จนเสียชีวิตในที่สุด

 

 

เชื้อไวรัสโควิด -19 ลงปอดใ

 

 

การรักษาโควิด-19 ลงปอด

 

  • 1. การใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งยาต้านไวรัสจะเข้าไปฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 แบ่งตัวเพิ่มเติม และทำลายเซลล์ในอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังมีการใช้ยาต้านไวรัสร่วมกับยาแก้อักเสบ เพื่อลดการอักเสบภายในร่างกาย

 

  • 2. การใช้เครื่องช่วยหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก โดยเฉพาะบริเวณเนื้อปวดที่ถูกทำลาย หรือปอดมีอาการบวมน้ำ

 

  • 3. การใช้เครื่องปอด - หัวใจเทียมแบบเคลื่อนย้าย (Extracorporeal Membrane Oxygenation) หรือ ECMO ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้ สามารถฟอกโลหิตของผู้ป่วยแล้วเติมออกซิเจนเข้าไป ก่อนที่จะคืนกลับเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วย

 

 

เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาหายจากอาการโควิดลงปอดแล้ว มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ Long COVID ซึ่งเป็นอาการหลงเหลือที่มาจากเชื้อโควิด-19 ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากสภาพปอดถูกทำลายเพียงเล็กน้อย อาจใช้เวลาเพียงไม่นาน ในการฟื้นฟูในปอดให้กลับมาเป็นปกติ แต่หากสภาพปอดถูกทำลายไปมาก แม้จะยังสามารถใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพอาจทำงานได้น้อยลง

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

Long Covid ผลข้างเคียงจากการรักษาที่ไม่ควรมองข้าม

 

 

ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส Covid-19 ได้อย่างไร

 

 

Home Isolation สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อยทำอย่างไร