โรคลีเจียนแนร์
รู้จักลีเจียนแนร์ โรคร้ายที่มากับละอองน้ำ

 

โรคลีเจียนแนร์, ลีเจียนเนลโลสิส (Legionnaires Disease, Legionellosis) เป็นโรคที่หลาย ๆ คนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย เพราะเชื้อแบคทีเรียอาจปะปนอยู่กับละอองน้ำในอากาศ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น ฝักบัว, อ่างน้ำร้อน หรือระบบระบายอากาศ เป็นต้น วันนี้เรามาดูกันว่าโรคนี้เป็นอย่างไร มีความอันตรายมากน้อยขนาดไหน และมีวิธีป้องกันยังไง มาติดตามไปพร้อมกัน 

 

 

โรคลีเจียนแนร์

 

เป็นโรคเกี่ยวกับปอดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Legionella pneumophila ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฝักบัว, อ่างน้ำร้อน หรือสระน้ำ เป็นต้น โดยโรคลีเจียนแนร์ผู้ป่วยจะแสดงอาการภายใน 5-6 วันหลังจากได้รับเชื้อ ส่วนโรคไข้ปอนเตียกจะแสดงอาการภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ 

 

 

สาเหตุของโรคลีเจียนแนร์

 

สาเหตุของโรคนี้คือการติดเชื้อแบคทีเรีย Legionella spp. โดยเฉพาะสายพันธุ์ L. pneumophila ซึ่งเชื้อมักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด เช่น ถังน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, ระบบทำความเย็นในอาคารสูง, บ่อเก็บน้ำ เป็นต้น หากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เชื้อจะสามารถแพร่กระจายปะปนออกมากับละอองน้ำในอากาศได้ 

เชื้อ Legionella จะสามารถทนต่อคลอรีนได้ในระดับหนึ่ง และสามารถสร้างไบโอฟิล์มเคลือบผิวท่อหรือตามถังเก็บน้ำ อาจทำให้การกำจัดเชื้อเป็นเรื่องยาก หากไม่ได้ทำความสะอาดสม่ำเสมอ

 

 

โรคลีเจียนแนร์อาการเป็นอย่างไร ?

 

ไข้สูง

 

  • มีไข้สูง, หนาวสั่น

 

  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย และศีรษะ

 

  • อ่อนเพลีย, เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก

 

  • เบื่ออาหาร, คลื่นไส้

 

  • อาเจียน, ท้องเสีย

 

  • ผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะปอดอักเสบในกรณีที่มีอาการรุนแรงได้

 

 

กลุ่มเสี่ยงของโรคลีเจียนแนร์

 

  • ผู้สูงอายุ

 

  • ผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ 

 

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

 

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด, โรคไตเรื้อรัง, โรคมะเร็ง หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นต้น 

 

  • ผู้ที่ประกอบอาชีพในสถานที่ที่มีละอองน้ำ เช่น โรงแรม, โรงพยาบาล หรือโรงงานที่ใช้เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ 

 

 

การวินิจฉัยโรคลีเจียนแนร์

 

  • เอกซเรย์ปอด เพื่อดูการอักเสบ

 

  • ตรวจหาสารแอนติเจนของเชื้อ Legionella ในปัสสาวะ

 

  • การเพาะเชื้อจากเสมหะ

 

ตรวจหาแอนติบอดี้

 

  • ตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีต่อเชื้อ

 

 

การรักษาโรคลีเจียนแนร์

 

โรคลีเจียนแนร์รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ต่อเชื้อ Legionella spp. โดยยาที่นิยมใช้ เช่น Azithromycin, Macrolide หรือ Levofloxacine เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะเลือกให้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วย ส่วนใหญ่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะหากมีภาวะปอดอักเสบรุนแรงหรือมีโรคประจำตัวเดิมอยู่แล้ว

 

 

วิธีป้องกันโรคลีเจียนแนร์

 

  • ดูแลความสะอาดแหล่งน้ำภายในอาคารอยู่เสมอ

 

  • ระดับคลอรีนภายในบ่อพักน้ำ ไม่ควรน้อยกว่า 0.2 ppm.

 

  • ควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทุก ๆ 1-2 สัปดาห์

 

เปิดฝักบัว

 

  • หากไม่ได้ใช้ฝักบัวเป็นเวลานาน ควรเปิดทิ้งไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 20 นาที

 

  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องพ่นละอองน้ำในที่อับหรือมีการระบายอากาศไม่ดี 

 

  • ตรวจสอบอุณหภูมิในถังเก็บน้ำให้อยู่ในระดับที่เชื้อไม่สามารถเจริญเติบโตได้ 

 

 

ถึงแม้ว่าโรคลีเจียนแนร์ จะไม่ได้เป็นโรคที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน แต่เป็นโรคที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้ การดูแลระบบน้ำและอุปกรณ์เกี่ยวกับน้ำให้สะอาด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ การรู้เท่าทันโรคนี้ไม่เพียงช่วยป้องกันตนเอง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการระบาดในสถานที่สาธารณะ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล และอาคารสำนักงานอีกด้วย