คลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอด
คลอดธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอดแตกต่างกันอย่างไร

คลอดธรรมชาติกับผ่าคลอดคุณเลือกได้หรือไม่

 

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์คลอดนั้น อาจมีคำถามในใจว่าเราควรคลอดแบบธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี ? แต่ในความเป็นจริงแล้วการตัดสินใจต้องผ่านการวินิจฉัยจากหมอก่อนเนื่องจากการคลอดเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณแม่และลูกน้อย จึงไม่ควรตัดสินใจโดยปราศจากคำแนะนำหรือความคิดเห็นจากแพทย์ และด้วยความที่คุณแม่อาจไม่รู้ว่าตนเองต้องคลอดด้วยวิธีใดการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการคลอดทั้ง 2 วิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ 

 

คลอดธรรมชาติ

 

การคลอดธรรมชาติ คือ การคลอดโดยไม่ใช้วิธีการผ่าตัด เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติ ไม่มีความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อน นับว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยที่สุด ซึ่งผู้หญิงหลายคนมักจะอยากคลอดแบบธรรมชาติ เพราะจะได้สัมผัสความรู้สึกของสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่แม้จะเจ็บปวดแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นสวยงามเสมอ

 

ความเจ็บปวดที่ล้ำค่า


คุณแม่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเจ็บท้องคลอดลูกเป็นความเจ็บปวดที่มากที่สุดในชีวิต และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีความสุขที่สุดในชีวิตด้วย เพราะวินาทีที่มดลูกบีบตัวจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เป็นแม่ปานจะขาดใจ แต่ก็ใช่ว่าธรรมชาติจะใจร้ายปล่อยให้คุณแม่ปวดท้องเพียงอย่างเดียว ในขณะที่คุณแม่กำลังเจ็บปวดอยู่นั้นร่างกายจะสร้างฮอร์โมนออกซีโตซินออกมาช่วยลดความเจ็บปวด และกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้คุณแม่คลอดลูกง่ายขึ้นด้วย

 

สัญญาณของการคลอด

 

ในระยะแรกคุณแม่จะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว บางคนอาจจะรู้สึกเหมือนว่ามดลูกบีบตัวเล็กน้อยจนปวดท้องหน่วง ๆ แต่นั่นเป็นเพียง “สัญญาณเริ่มต้น” เท่านั้น แต่ถ้าหากคุณแม่รู้สึกปวดท้องนานนับชั่วโมง หรืออาจจะรู้สึกปวดข้ามวันข้ามคืน นั่นคืออาการ “เจ็บท้องเตือน” ส่วนการ “เจ็บท้องคลอดลูก” คุณแม่จะรู้สึกได้ถึงมดลูกที่กำลังบีบรัดตัวเองอย่างรุนแรง และจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบทนไม่ไหวเลยทีเดียว แต่อาการปวดของคุณแม่จะหายไปเป็นปลิดทิ้งทันทีเมื่อคุณได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย และได้เห็นหน้าเทวดา หรือนางฟ้าตัวน้อย ๆ ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้วนั่นเอง !

 

ธรรมชาติของการคลอดที่คุณเลือกเองได้

 

การคลอดธรรมชาตินั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ การคลอดในน้ำ เป็นวิธีการคลอดแบบธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะการคลอดในน้ำจะช่วยลดความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดลูกได้มากที่สุด เนื่องจากน้ำจะทำให้ออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดี ส่งผลให้ระบบเลือดไหลเวียนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังสามารถเพิ่มพละกำลังในการเบ่งคลอดลูกได้อีกด้วย และวิธีคลอดแบบธรรมชาติอีกประเภทหนึ่งคือ การคลอดลูกที่บ้าน ซึ่งวิธีนี้จะต้องมีสูติแพทย์คอยดูแลระหว่างการคลอดลูกที่บ้านด้วย

 

คลอดแบบธรรมชาติดีอย่างไร

 

ผลดีต่อคุณแม่

  • ในระหว่างคลอดคุณแม่จะรู้สึกภาคภูมิใจและมีแรงในการเบ่งคลอด เพราะการคลอดแบบธรรมชาติจะช่วยปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่พร้อมจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกน้อยปลอดภัย
  • คุณแม่สามารถขยับตัว และกำหนดท่าทางการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเพื่อให้รู้สึกสบายตัวสามารถเบ่งคลอดได้อย่างสะดวกที่สุด
  • การคลอดธรรมชาติจะฟื้นตัวได้เร็ว และมีอาการเจ็บแผลน้อย ไม่เกิดแผลที่มดลูก
  • การติดเชื้อจากบาดแผลมีความเสี่ยงน้อย

 

ผลดีต่อลูกน้อย

  • ลูกน้อยในครรภ์โตเต็มที่ และมีอวัยวะสมบูรณ์ดีแล้ว เมื่อคลอดออกมาลูกน้อยจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
  • ในระหว่างการคลอดลูก ผนังมดลูกของคุณแม่จะรีดน้ำคร่ำออกมาจากท้องของทารกทำให้ทารกไม่มีปัญหาด้านการหายใจ
  • ทารกได้รับภูมิต้านทานจากแบคทีเรียโพรไบโอติกที่ช่วยในระบบขับถ่าย ทำให้ลูกน้อยไม่ต้องประสบปัญหาท้องอืด
     

 

แม้การคลอดแบบธรรมชาติจะเป็นวิธีที่พบได้บ่อยแต่ในบางกรณีคุณแม่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการผ่าคลอดได้เนื่องจากคุณแม่อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ไม่สามารถคลอดแบบธรรมชาติได้หรือระหว่างการคลอดอาจเกิดภาวะฉุกเฉินที่ทำให้ต้องผ่าแทนได้เช่นกัน

 

ทำไมต้องผ่าคลอด

 

อย่างที่เราทราบไปแล้วว่าหากต้องการความปลอดภัยในการคลอดลูกน้อย คุณแม่ต้องผ่านการวินิจฉัยจากคุณหมอก่อนเพื่อประเมินวิธีการคลอด โดยคุณแม่หลาย ๆ คนอาจต้องคลอดด้วยการผ่า มาถึงจุดนี้คุณแม่คงสงสัยแล้วว่ามีหลักเกณฑ์อะไรบ้างที่บ่งชี้ว่าคุณแม่ควรทำการผ่า

 

  • ขนาดศีรษะของเด็กทารก หากทารกมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่ากระดูกเชิงกรานของคุณแม่จะต้องทำการผ่าคลอด เนื่องจากอาจทำให้การคลอดธรรมชาติเป็นไปได้ยากลำบากและอาจเกิดอันตรายได้ โดยแพทย์จะวัดเปรียบเทียบจากขนาดศีรษะของลูกน้อย
  • ภาวะที่เกิดระหว่างการคลอด หากลูกน้อยคลอดโดยไม่เอาศีรษะลงก่อนเหมือนการคลอดทั่วไป อาจต้องทำการผ่าตัด ท่าทางของลูกน้อยที่ต้องทำการผ่าคลอด เช่น นอนตะแคงแบบขวาง หรือท่าที่อวัยวะติดกันทำให้คลอดได้ยาก หรือจะเป็นรกต่ำสายสะดือย้อยทำให้ขัดขวางการคลอด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงลูกน้อยมีภาวะการเต้นของหัวใจน้อยลงหมออาจจำเป็นต้องผ่าคลอด
  • ร่างกายของคุณแม่ หากคุณแม่มีอายุที่อยู่ในระดับมากขึ้นไปจะทำให้มีผลต่อแรงที่ใช้ในการคลอดธรรมชาติ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดทางหนึ่งคือการผ่านั่นเอง หรือการที่คุณแม่มีโรคที่มีผลต่อการคลอด เช่น ครรภ์เป็นพิษ โรคเริม เป็นต้น

 

การเตรียมตัวก่อนการผ่าคลอด

 

พูดคุยกับแพทย์เพื่อบันทึกประวัติทางการแพทย์และสอบถามข้อมูลที่ต้องการ ก่อนการผ่าต้องอาบน้ำเพื่อฆ่าเชื้อ และลดอัตราการเกิดเชื้อในตอนผ่าคลอด นอกจากนี้ห้ามโกนขนบริเวณอวัยวะเพศด้วยตนเอง หากเป็นปัญหาแพทย์จะทำการโกนเองระหว่างทำคลอด เมื่อถึงโรงพยาบาลคุณแม่จะต้องตรวจเลือดก่อนและถูกทำความสะอาดหน้าท้อง ในบางครั้งอาจจำเป็นต้องดมยาสลบด้วยวิธีการบล็อกไขสันหลัง เพื่อลดอาการเจ็บปวดระหว่างการผ่าคลอดด้วย โดยระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดจะอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง

 

หลังการผ่าคลอด

 

คุณแม่และลูกน้อยต้องอยู่ในการดูแลจากแพทย์ประมาณ 3-4 วัน โดยคุณแม่จำเป็นต้องพยายามขยับตัวเพื่อให้แผลจากการผ่าตัดสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ในระหว่างนี้แพทย์จะคอยดูแลและระวังการติดเชื้อของแผลผ่าคลอด หากคุณแม่ต้องการให้นมลูกน้อยสามารถทำได้หลังมีอาการดีขึ้น เมื่อกลับบ้านคุณแม่ต้องพักผ่อนและดื่มน้ำให้มาก ๆ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรขับรถด้วยตนเองจนกว่าแผลจากการผ่าจะหายสนิท ระหว่างการพักฟื้นนี้หากคุณแม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีอาการไข้สูง เลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ หรือมีอาการปวด บวม มีน้ำหนองไหลจากแผลให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที

 

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และลูกน้อย

  • คุณแม่อาจเกิดภาวะต่าง ๆ เช่น ภาวะติดเชื้อจากการผ่าตัด เป็นพังผืดที่แผลผ่าตัด มีอาการบาดเจ็บจากอวัยวะอื่น เป็นต้น
  • ภาวะแทรกซ้อนกับลูกน้อย เช่น มีปัญหาการหายใจ เกิดอาการบาดเจ็บได้ มีน้ำหนักตัวน้อย เป็นต้น

 

ควรคลอดที่ไหนดี

 

การคลอดนั้นเป็นเรื่องสำคัญของคนในครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่และลูกน้อย จึงจำเป็นต้องเลือกสถานพยาบาลที่ใกล้บ้านเนื่องจากเป็นเรื่องฉุกเฉินและต้องแข่งกับเวลาในการเดินทาง เราแนะนำให้คุณแม่เลือกสถานพยาบาลที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากลพร้อมการฝากครรภ์เพื่อติดตามดูแลความสมบูรณ์ของลูกน้อยในครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย

      หากจะกล่าวถึงเรื่องคลอดในย่านรามคำแหงหลาย ๆ คนอาจมีตัวเลือกภายในจิตใจอยู่หลายโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเพชรเวชเองมีสูตินรีเวชที่มีความชำนาญพร้อมให้บริการคอยให้คำแนะนำและดูแลครรภ์ของคุณแม่ พร้อมแพ็กเกจการคลอดในราคาที่ใคร ๆ ก็สามารถเอื้อมถึงได้แล้ววันนี้ “เพราะสุขภาพที่ดีของคุณแม่และลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญที่เราเข้าใจดี”

 

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง


____________________________

 

ติดต่อศูนย์สูตินรีเวช

 

วันเปิดทำการ : บริการทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 08.00-19.00 น. (ติดต่อลงทะเบียนก่อนเวลา 18.30 น.)
ตึก/ชั้น : A/16
เบอร์ติดต่อ : 1390