โรคคางทูม คือ โรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ
โรคคางทูม คือ โรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ

โรคคางทูม คือ โรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ จากการติดเชื้อไวรัสที่มัมส์ Mumps ไวรัสนี้จะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู เกิดการอักเสบจนรู้สึกเจ็บปวด และบวมแดง หากไวรัสมัมส์ Mumps แพร่กระจายเข้าสู่น้ำหล่อเลี้ยงสมอง และไขสันหลัง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

 

 

สาเหตุของโรคคางทูม

 

สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มัมส์ Mumps อยู่ในกลุ่ม Paramyxovirus เป็นไวรัสในอากาศ แพร่กระจายได้โดยการไอ จาม สัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือสิ่งของกับผู้เป็นโรคนี้ ไวรัสมัมส์ Mumps จะเคลื่อนผ่านทางระบบทางเดินหายใจตั้งแต่จมูก ปาก ลำคอ ไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้าง

 

 

อาการของโรคคางทูม

 

  • 1.ต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูเจ็บและบวมอย่างเห็นได้ชัด

 

  • 2.มีไข้สูง 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป

 

  • 3.เบื่ออาหาร ปากแห้ง

 

  •  4.ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ และตามข้อ

 

อาจพบอาการอักเสบของต่อมชนิดอื่นๆ เช่น ตับอ่อน เต้านม ต่อมไทรอยด์ เป็นต้น

 


 

การรักษาโรคคางทูม

 

  • 1.ใช้ยาพาราเซตามอล หรือไอบูโปรเฟน ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เพราะจะเกิดอาการ ตับ และสมองบวม อาเจียน ชัก และหมดสติได้

 

  • 2.แยกผู้ป่วย หลังมีการบวมของต่อมน้ำลาย

 

 

คางทูม

 

 

ภาวะแทรกซ้อน

 

  • 1.เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส เชื้อไวรัสมัมส์ Mumps แพร่กระจายเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง

 

  • 2.รังไข่อักเสบ ผู้ป่วยคางทูมเพศหญิง มีอาการปวดบริเวณท้องน้อย และมีไข้สูง

 

  • 3.ลูกอัณฑะอักเสบ ผู้ป่วยคางทูมเพศชาย มีอาการลูกอัณฑะบวมข้างเดียว มีผลกระทบกับระบบสืบพันธุ์ สเปิร์มผลิตได้น้อยลง ใช้การประคบร้อน และประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการลูกอัณฑะบวม

 

 

การป้องกันโรคคางทูม

 

ป้องกันโรคคางทูมโดยการฉีดวัคซีน MMR หรือ Measles-Mumps-Rubella Vaccine 2 ครั้ง ครั้งแรกเด็กอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่ 2 เด็กอายุ 3-6 ขวบ

 

 

ปัจจุบันยังไม่มียา หรือการรักษาคางทูมให้หายขาดโดยทันที แต่สามารถทำได้โดยบรรเทาอาการและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น