ปัสสาวะบ่อย (Frequent Urination) คือภาวะความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หากกำลังเดินทางหรือทำงานอยู่ ก็ต้องรีบเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ แม้กระทั่งในตอนกลางคืน การปัสสาวะบ่อยก็ไปรบกวนการนอนหลับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและก่อโรคร้ายในอนาคตได้
ปัสสาวะบ่อย คือภาวะที่ร่างกายมีความต้องการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน ส่งผลให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ต้องเข้าห้องน้ำระหว่างทำงาน ปวดบ่อยระหว่างการเดินทาง หรือแม้แต่ตื่นกลางดึกหลายครั้งจนนอนไม่พอ ซึ่งภาวะนี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
สำหรับปกติทั่วไปแล้วเมื่อรู้สึกอยากขับถ่ายของเหลวแต่ติดภารกิจอยู่ ก็สามารถอั้นได้ แต่ผู้ป่วยภาวะนี้น้ำยังไม่เต็มกระเพาะปัสสาวะแต่เกิดการบีบตัวขึ้น เมื่อปล่อยของเสียจะมีปริมาณน้อยกว่าอาการที่ปวด ทำให้เสี่ยงกลั้นไม่อยู่แล้วปล่อยราดออกมาได้
ดื่มน้ำมากเกินไป
โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ต้องป้องกันภาวะขาดน้ำ บางรายอาจรู้สึกคอแห้งต้องดื่มน้ำเรื่อย ๆ
รับประทานผักและผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะ
เช่น แตงโม, แคนตาลูป, สาลี่, ชมพู่, แตงกวา หรือมะเขือเทศ เป็นต้น
ใช้ยารักษาโรคประจำตัว
เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาโรคเบาหวาน
การตั้งครรภ์
มดลูกของผู้หญิงตั้งครรภ์จะขยายใหญ่จนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อยได้
การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมทั้งคาเฟอีน
ทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเร็ว
เป็นไข้, หนาวสั่น
มีเลือดปนออกมา รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่น หรือตกขาว
ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีสีผิดปกติ (ขุ่น แดง หรือน้ำตาลเข้ม)
ปวดขัด แสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะไม่พุ่งขณะปล่อย
ปวดท้องน้อยหรือมีก้อนอยู่บริเวณนั้น
ปวดหลัง
ตื่นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน
เบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจึงขับน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะ ส่งผลให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย
โรคไต
ไม่สามารถดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปัสสาวะออกมากกว่าปกติ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เป็นเพราะพฤติกรรมการกลั้นปัสสาวะและรักษาความสะอาดไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ
ต่อมลูกหมากโต
ต่อมลูกหมากที่ขยายตัวผิดปกติจะไปกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัดและปัสสาวะบ่อยแต่ครั้งละเล็กน้อย
กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder: OAB)
ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดปัสสาวะทันทีแม้น้ำยังไม่เต็มกระเพาะ และมักกลั้นไม่อยู่ จนมีการเล็ดราดร่วมด้วย
ต่อมไร้ท่อผิดปกติ
เช่น เบาจืดกับกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing syndromes)
ผลกระทบต่อพื้นที่ ขนาด และขัดขวางการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
การเกิดของเหลวตกค้าง, นิ่ว, เนื้องอก รวมทั้งการฉายรังสีจากอาการอักเสบ
ในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติ ถามถึงปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน ใช้ยาอะไรอยู่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหรือไม่ หลังจากนั้นจะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
เก็บปัสสาวะแล้วนำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ
เพื่อดูแบคทีเรียและเซลล์เม็ดเลือดขาวว่าพบการติดเชื้อหรือไม่
อัลตราซาวด์
ตรวจหาความผิดปกติ เช่น เนื้องอกหรือนิ่ว
ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ
ใช้ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบหรือถ่ายเบาบ่อยเรื้อรัง โดยเฉพาะสตรีวัยกลางคนที่ผ่านการคลอดบุตรมานานหลายปี
เมื่อทราบสาเหตุ แพทย์จะรักษาตามโรคที่พบ เช่น ให้ยาฆ่าเชื้อในกรณีติดเชื้อ, ปรับยาในผู้ป่วยเบาหวาน หรือแนะนำให้ปรับพฤติกรรมในรายที่ผลการวินิจฉัยไม่ชัดเจน
หากพบความผิดปกติ แพทย์จะรักษาตามอาการของโรค หากเป็นการตั้งครรภ์ เมื่อคลอดบุตรแล้วจะหายได้เอง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคหรือภาวะผิดปกติ อาจให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ได้แก่
จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน
ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงในกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
หากมีการเล็ดราดของปัสสาวะ ควรสวมใส่ชุดชั้นในหรือแผ่นซึมซับ
รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ
แม้ว่าภาวะปัสสาวะบ่อยจะไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด แต่ผลกระทบทางจิตใจของผู้ป่วยภาวะนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะเขาอาจมีความกังวลในอาการที่ผิดปกติจนรู้สึกไม่อยากออกไปไหน เครียดอยู่กับการต้องหาห้องน้ำคอยขับถ่าย บางรายอาจเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ดังนั้นลูกหลานควรทำความเข้าใจ และหาทางแก้ไขอย่างถูกวิธี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง