โรคยอดฮิตที่มากับอากาศหนาว
ระวัง!! โรคยอดฮิตที่มากับอากาศหนาว พร้อมดูแลสุขภาพให้ห่างไกลความป่วย

 

เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวหลายคนอาจมีความรู้สึกสดชื่นขึ้น แต่อุณหภูมิที่ลดต่ำก็อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และเปิดโอกาสให้เชื้อโรคต่าง ๆ แพร่ระบาดได้ง่ายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว จึงควรทำความรู้จักกับ “โรคที่มาพร้อมหน้าหนาว” เพื่อเตรียมตัวรับมือได้อย่างถูกวิธี

 

 

ทำไมอากาศหนาวจึงทำให้เราป่วยง่าย ?

 

ในช่วงหน้าหนาวที่มีอากาศเย็นแบบนี้ ร่างกายจะสูญเสียความร้อนภายในร่างกายและทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันลดประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วม เช่น

 

  • เชื้อไวรัสหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิต่ำ

 

  • ผู้คนมักอยู่ในพื้นที่ปิด เช่น ห้องแอร์หรือในอาคาร จึงเพิ่มโอกาสในการแพร่เชื้อทางอากาศ

 

  • ผิวหนังและเยื่อบุแห้ง ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

 

  • ฤดูหนาวจึงเป็นช่วงที่โรคระบบทางเดินหายใจพบได้บ่อยกว่าฤดูอื่น

 

 

โรคยอดฮิตในช่วงฤดูหนาวที่ควรระวัง


โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ (Common Cold & Influenza)

 

ไข้หวัด

 

โรคยอดนิยมประจำฤดูหนาว เกิดจากเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ

 

อาการของโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

 

  • มีไข้สูง อ่อนเพลีย

 

  • หนาวสั่น

 

  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย

 

  • คัดจมูก ไอ จาม เจ็บคอ

 

  • บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียนร่วม

 

 วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

 

  • ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี

 

  • หมั่นล้างมือสม่ำเสมอ

 

  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 

 

  • พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ

 

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด

 

 

โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ (Pneumonia)

 

ปอดบวม

 

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่เข้าสู่ปอด จนทำให้มีการอักเสบและอาจเป็นหนองในถุงลมได้ โรคนี้พบมากในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือโรคหัวใจ สามารถแพร่กระจายได้เมื่อได้รับเชื้อจากผู้ป่วยผ่านการไอ จาม

 

อาการของโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ

 

  • มีไข้สูง หนาวสั่น

 

  • ไอมีเสมหะ หายใจหอบเหนื่อย

 

  • แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก

 

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ

 

  • ฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบและไข้หวัดใหญ่

 

  • หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และฝุ่นละออง

 

  • ดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ

 

  • หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่เสี่ยง หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยเสมอ

 

  • เข้าพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ หรือรักษาตามอาการอย่างสม่ำเสมอ

 

 

เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)

 

ไวรัสRSV

 

เป็นโรคไวรัสที่มักระบาดในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดแต่รุนแรงกว่า พบได้ในเด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี


อาการของเชื้อไวรัส RSV

 

  • อกบุ๋ม หายใจเร็ว มีเสียงหวีด

 

  • ไอแห้ง มีเสมหะ 

 

  • จาม น้ำมูกไหล และมีไข้

 

  • รับประทานอาหารได้น้อยลง

 

  • หลอดลมฝอย และปอดอักเสบ

 

  • ในเด็กทารก อาจพบว่ามีการร้องรบกวน หรือซึมลงได้

 

การป้องกันเชื้อไวรัส RSV

 

  • แยกอุปกรณ์ และภาชนะที่ใช้ร่วมกัน

 

  • หมั่นล้างมือสม่ำเสมอ

 

  • แยกของใช้ของเด็กออกจากกัน

 

  • หากผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ควรงดออกจากบ้านจนกว่าจะหายดี เพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น 

 

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วย

 


โรคอุจจาระร่วง (Diarrhoeal Diseases)

 

อุจจาระร่วง

 

เกิดจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส มักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะมีพฤติกรรมที่มักหยิบจับสิ่งของเข้าปาก เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรง ทำให้เชื้อที่ปะปนอยู่กับสิ่งของเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

 

อาการของโรคอุจจาระร่วง

 

  • ถ่ายเหลว 3 ครั้งขึ้นไป

 

  • มีไข้สูง

 

  • รับประทานอาหารไม่ได้

 

  • คลื่นไส้ อาเจียน

 

  • หิวน้ำมากกว่าปกติ

 

  • อุจจาระร่วงเฉียบพลัน จะมีอาการน้อยกว่า 7 วัน เกิดจากโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ

 

  • อุจจาระร่วงเรื้อรัง จะมีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป เกิดจากโรคลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน หรือถุงผนังลำไส้อักเสบ เป็นต้น

 

การป้องกันตัวเองจากโรคอุจจาระร่วง

 

  • รักษาสุขอนามัยทั้งตอนรับประทาน การปรุง และการเก็บอาหาร

 

  • ล้างมือก่อน-หลังรับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำ

 

  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่

 

  • หลีกเลี่ยงการวางอาหารทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง

 

  • ควรเก็บอาหารในตู้เย็น

 

 

โรคภูมิแพ้ (Allergy)

 

ภูมิแพ้

 

ถ้าหากเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว หน้าหนาวอาจกระตุ้นให้อาการกำเริบมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ 

 

อาการของโรคภูมิแพ้

 

  • คันจมูกและตา

 

  • คัดจมูก จามแบบมีน้ำมูกใส

 

  • ผื่นขึ้นตามร่างกาย 

 

  • ตาแดง น้ำตาไหล

 

วิธีการดูแลตัวเองจากโรคภูมิแพ้

 

  • สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

 

  • รับประทานยาแก้แพ้

 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

 

  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน 

 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

 

 

โรคผิวหนังจากอากาศหนาว

 

ผิวแห้ง

 

เมื่ออากาศแห้งและเย็น อาจทำให้ผิวแห้ง คัน หรือแตกเป็นขุยได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

 

การดูแลตัวเองจากโรคผิวหนังช่วงอากาศหนาว

 

  • ใช้ครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำ

 

  • เลือกใช้สบู่สูตรอ่อนโยนต่อผิว

 

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน

 

  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด

 

 

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพช่วงหน้าหนาว

 

  • สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ

 

  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว

 

  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก-ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง

 

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

 

  • ฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์

 

 

ฤดูหนาวอาจนำมาซึ่งความสบายใจจากอากาศเย็น แต่ก็เป็นช่วงที่โรคต่าง ๆ สามารถระบาดง่ายกว่าปกติ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ หรือเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อให้ฤดูหนาวนี้เป็นฤดูกาลแห่งความสุขของคุณ



เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง 

 

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

 

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบและวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

 

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์